วันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2560

อวยพรวันขึ้นปีใหม่

...อวยพรวันขึ้นปีใหม่ ด้วยผญาอีสานบ้านเฮา...ปีเก่าเมิดไปแล้ว ปีใหม่ได้มาเถิง


ขอพระอินทร์ผู้อยู่เทิง ดาวดึงส์เมืองฟ้า

ประทานพรลงมาให่ มนุษย์ในพื้นแผ่น

ทั่วดินแดนโลกกว้าง ให่เนายั้งอยู่ดี

อย่าได้มีเหตุฮ้อน สรรพสิ่งอันใด

โพยภัยหาย อย่าสิหวนเห็นพ้อ

ผู้ที่รอโชคเข่า วาสนาเสริมส่ง

สมประสงค์สู่ด้าน งานเงินพร้อมสู่อัน

ผู้ขี่คร้าน ให้พออยู่พอกิน

ผู้มีศีลมีธรรม ให่ฮ่างมีดีได้

ผู้ที่เจ็บป่วยไข่ ให่หายดีมีสุขยิ่ง

สิ่งใดดีหลั่งเข่า โพยภัยฮ้ายให่ห่างไกล

ทุกคนมีเป็นได้ สมตั้งใจทุกสิ่งอย่าง

ทางชีวิตปีใหม่นี้ สุขขีมั่นสู่คน เด้อ สาธุ



วันพฤหัสบดีที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ตำนาน ผาแดงนางไอ่



นิทานเรื่อง

ผาแดงนางไอ่

เมืองสุวรรณโคมคำหรือเอกธีตา อยู่ทางทิศใต้ของเมืองหนองแส มีพระยาขอมเป็นผู้ปกครอง มีนางจันทร์เป็นมเหสี มีธิดาสาวสวยคนหนึ่ง ชื่อไอ่คำ พระยาขอมมีน้องชายสองคน ให้ไปปกครองเมืองเชียงเหียนและเมืองสีแก้ว มีหลาน ๓ คน ให้ไปครองเมืองฟ้าแดด เมืองหงส์ และเมืองทอง นางไอ่คำอายุได้ ๑๕ ปี มีความงามดังไปทั่วทุกทิศ จนกระทั่งไปเข้าหูของ,ท้าวผาแดงแห่งเมืองผาโพง ท้าวผาแดงจึงขี่ม้าแอบมาหานางไอ่คำ และได้สมัครรักใคร่กัน แล้วสัญญากันว่าจะทำพิธีสู่ขอ และ แต่งงานกันตามประเพณีในไม่ช้านี้

มีเมืองอีกแห่งหนึ่งชื่อศรีสัตตนาคนหุต มีสุทโธนาคครองเมือง มีโอรสชื่อภังคี สุทโธนาคนี้อพยพมาจากหนองแส เพราะผิดใจกันกับสุวรรณนาคผู้เป็นสหาย เนื่องมาจากการแบ่งเนื้อเม่น คือสุทโธนาคไม่พอใจเพราะได้น้อยคิดว่าสุวรรณนาคเล่นไม่ซื่อ จึงเกิดการทะเลาะกันเป็นสงครามอันยิ่งใหญ่ เดือดร้อนถึง

พระอินทร์ต้องส่งเทพบุตรลงมาห้ามศึกสงครามและเทพบุตรได้แบ่งเขตให้ทั้งสองอยู่ คือ สุวรรณนาคปกครองฝั่งใต้ สุทโธนาคครองฝั่งเหนือและตะวันออกโดยแบ่งลงไปจดฝั่งทะเล นาคทั้งสองจึงขุดคลองจากหนองแสลงสู่ทะเล โดยสุวรรณนาคขุดแม่น้ำน่านหรือโพระมิง ตั้งเมืองนันทบุรี ส่วน สุทโธนาคขุดแม่น้ำโขง และตั้งเมืองศรีสัตตนาคนหุต

ครั้นถึงกลางเดือนหกพระยาขอมจะทำบุญบั้งไฟ จึงมีใบบอกบุญไปยังหัวเมืองต่าง ๆ ที่เป็นบริวารให้ทำบั้งไฟไปร่วมจุดในงาน ท้าวผาแดงไม่ได้รับใบบอกบุญ แต่ได้ทราบข่าวจึงจัดบั้งไปหมื่นไปร่วมบุญด้วย และได้พบนางไอ่คำเป็นครั้งที่ ๒ และได้รับการต้อนรับอย่างดี ในการจุดบั้งไฟพระยาขอมให้มีการพนันกันว่า ถ้าบั้งไฟของใครชนะจะได้ทรัพย์สมบัติและนางสนมกำนัล สำหรับท้าวผาแดงนั้นจะยกนางไอ่คำ

ให้ ในเวลาจุดปรากฏว่าบั้งไฟของเมืองอื่น ๆ ขึ้นหมด ส่วนของพระยาขอมไม่ขึ้น และของท้าวผาแดงแตกกลางบั้ง แต่พระยาขอมก็เฉยเสียไม่ทำตามสัญญา เจ้าเมืองต่าง ๆ จึงพากันกลับหมด ส่วนท้าวผาแดงก็กลับเมืองของตนพร้อมกับความทุกข์เพราะความรักและบั้งไฟไม่ขึ้น

ท้าวภังคี ลูกชายสุทโธนาค ได้แปลงกายมาร่วมงานบุญบั้งไฟนี้ และหลงรักนางไอ่คำด้วยเช่นกัน แต่ไม่มีโอกาสเข้าใกล้นางได้จึงพกเอาความรักกลับไป ครั้นถึงเมืองศรีสัตตนาคนหุตแล้วก็ไม่เป็นอันกินอันนอนจึงลาพ่อเพื่อจะมาหานางไอ่คำอีก ท้าวสุทโธนาคได้ห้ามไว้แต่ก็ไม่สามารถจะห้ามปรามได้ เมื่อมาถึงเมืองเอกธีตาแล้วท้าวภังคีแปลงกายเป็นกระรอกด่อน (กระรอกเผือก) ส่วนบริวารก็แปลงเป็นสัตว์ต่าง ๆ กระรอกด่อนภังคีแขวนกระดิ่งทองคำไว้ที่คอด้วย ได้ปีนป่ายกระโดดไปตามต้นไม้ใกล้ปราสาทของนางไอ่คำ นางไอ่คำเห็นกระรอกด่อนก็อยากได้จึงให้ตามนายพรานมาจับกระรอกด่อน นายพรานได้ยิง

กระรอกด่อนทำให้กระรอกด่อนตาย ก่อนตายกระรอกด่อนได้อธิษฐานว่า "ขอให้เนื้อของข้าจงเอร็ดอร่อย และมีพอกินแก่คนทั้งเมือง" ชาวเมืองก็พากันแบ่งเนื้อกิน ยกเว้นพวกแม่ม่าย ฝ่ายบริวารของภังคีเห็นเจ้านายของตนเสียทีก็รีบกลับไปบอกท้าวสุทโธนาค ท้าวสุทโธนาคโกรธมากจึงเกณฑ์พลนับหมื่นเพื่อถล่มเมืองพระยาขอมใครกินเนื้อภังคีต้องเอาให้ตายหมด กองทัพพญานาคจึงมุ่งสู่เมืองพระยาขอมทันที

วันนั้นเองท้าวผาแดงซึ่งรักนางไอ่คำจนทนอยู่ไม่ได้ จึงรีบขึ้นม้าบักสามจากเมืองผาโพงมาสู่เอกธีตาเมื่อมาถึงนางไอ่คำก็ต้อนรับด้วยความดีใจ พร้อมทั้งจัดหาอาหารมาเลี้ยง เมื่อท้าวผาแดงรู้ว่าเป็นเนื้อกระรอกก็ไม่กิน แล้วบอกนางไอ่คำว่ากระรอกตัวนี้มิใช่กระรอกธรรมดามันเป็นท้าวภังคีแปลงตนมา ใครกินเนื้อกระรอกแล้วบ้านเมืองจะถล่มถึงตาย พอตกกลางคืนกองทัพพญานาคก็มาถึงเมือง แผ่นปฐพีจึงถล่มโครมครามไปทั่ว ท้าวผาแดงจึงให้นางไอ่คำเตรียมข้าวของบางสิ่งที่พอจะเอาไปได้ เช่น แหวน ฆ้อง

 และกลองประจำเมืองแล้วรีบขึ้นม้าซ้อนท้ายตนเองควบม้าบักสามออกจากเมืองทันที พญานาครู้ว่านางไอ่คำหนีไปจึงติดตามไปติด ๆ แผ่นดินก็ถล่มไม่หยุด นางไอ่คำต้องโยนฆ้องและกลองทิ้ง สุดท้ายก็โยนแหวนทิ้งเพราะเข้าใจว่าพญานาคตามมาเอาสิ่งเหล่านี้ แต่พญานาคก็ยังตามมาอีก ม้าบักสามก็หมดแรงลงทำให้พญานาคตามมาทัน แล้วเอาหางเกี่ยวตัวนางไอ่คำลงมาจากหลังม้า ส่วนท้าวผาแดงก็ควบม้าหนีต่อไปพญานาคก็ตามไปอีกเพราะท้าวผาแดงมีแหวนของนางไอ่คำติดตัวไปด้วย ท้าวผาแดงจึงทิ้งแหวนเสียตนเองจึงปลอดภัย พญานาคจึงอุ้มเอานางไอ่คำลงไปเมืองบาดาล บ้านใครที่กินเนื้อของกระรอกด่อนก็ได้ถล่มกลายเป็นน้ำหมด เหลือแต่บ้านของแม่ม่ายที่ไม่ได้กิน จึงกลายเป็นดอนแม่ม่ายจนถึงทุกวันนี้

ท้าวผาแดงกลับไปถึงเมืองผาโพงแล้วเสียใจที่สูญเสียคนรักไปต่อหน้าต่อตา จึงอธิษฐานต่อเทพยดาว่าจะขอตายเพื่อไปต่อสู้เอานางไอ่คำกลับคืนมา ว่าแล้วก็กลั้นใจตายบนปราสาทแล้วไปเป็นหัวหน้าผีได้นำกองทัพผีไปสู้กับพวกนาค ต่อสู้กันอยู่นานทำให้น้ำในบึงในหนองขุ่น ดินบนบกกลายเป็นฝุ่นตลบไปหมด ร้อนไปถึงพระอินทร์ต้องลงมาระงับศึก ให้พวกผีกลับเมืองผีให้นาคกลับเมืองบาดาล ส่วนนางไอ่คำให้อยู่ที่เมืองบาดาลไปก่อนรอพระศรีอาริย์มาตัดสินว่า ใครจะเป็นสามีที่แท้จริงของนาง ดังนั้นนางไอ่คำจึงรอที่เมืองบาดาลจนกว่าจะถึงวันนั้น



วันอังคารที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2560

การเวลา(ผญา)

**พ.ศ กาลผ่านพ้น คนใจเปลี่ยน จิตรเอียง
ศิลคองธรรม พุทธองค์ ลัยฮ้าง
ใจแปนเบา บ่หนักมั่นหันลัย ศิลห่าง
ทางท่าสูงส่งฟ้า ลาฮ้าง ออกห่างเหิน

**เขินขาดสิ้น เขินขาด คำดี
มณีสีใสสุก ก่ำหัวใจแจ้ง
แสงมณีสีเศร้า เหงาในใจหน่วย
หัวใจกวย บ่กอดมั่น ศิลแก้ว ดั่งเก่าหลัง

**ใจพังเพ พอดินห้วย กวยติงใบกล้วยอ่อน
ดีค่าคนควรค่าไว้ ลัยล้าง กาบปล่อยแหนง
แหนงลาจีจูมไม้ ใบป่ง เกิดเป็นใบ
สีไสวเขียวสด กะต่อแมงลงซ้อน
กัดกุมกินกุดยอด ทอนลงบ่เกิดป่ง
คือใจปงพระเจ้า กะเลยเศร้าเก่าศรี

**เดียวนี้มีแต่ ถือปากต้าน ขานต่อวาจา
ขบสบขาน ต่อดีวจีลิ้น
ปุนคือผือในนาน้ำ งามเขียวน้ำแซ่
แพรใบเขียวอ่อนอั้ว ยามแล้งผัสบ่เห็น

**เป็นไปแล้ว เป็นไปลายต่าง
ต่างจากเดิมฮีตเค้า เนาว์หน้าเน่าเหม็น
เหม็นพอแฮ้งกุยกุมชุมหมู่
ส่งภาษาม่วนเล่นเส็งซ้อนสาปส่งกัน

วันอาทิตย์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ผู้เฒ่าเฟสบุ๊ค

ผู้เฒ่าเฟสบุ๊ค

 บ่อว่าคืนหรือเซ้า                           ได้นั่งเจ่าเฝ้าหน้าจอใจจดจ่อ
 แต่นำสาว สิโพสต์หยัง                ถ่ากดไลค์ใจเอยใจผู้บ่าวเฒ่า 
เมียเผลอได้เพ้อป่วงห่วงนำสาว     เฝ้าเฟสจ้อ คองถ่าแต่ผู้สาว
เวียกและงานบ่อเคยเว้า                           เอาแต่เมียสิหลิงหล่ำ
เซ้าฮอดค่ำ ค่ำฮอดเซ้า                              บ่อกินข้าวกะอิ่มเป็น
เห็นไปหมดสุบ้าน                                    ฮอดกำนันและผู้ใหญ่
ทันสมัยเปิดเน็ตพ้อ                                       อบต.นั้นกะผ่องกัน
หันไปไสเห็นแต่จ้อ                                     เขี่ยหน้าจออยู่ไหว่ๆ
ผ่องเล่นไลน์ อินบล๊อกเข้า                                  หัวยุ้มใส่คอมฯ
ใช้ซื่อปลอม แปะเอาฮูป                             ผู้บ่าวหล่อมาแทนโต
โสแต่ควมดี                                                  อวดผู้สาวอยู่เบิ้ดมื้อ
คือลูกเมียเป็นบอดไบ้                                 บ่อใส่ใจความเป็นอยู่
คึดเบิ่งดู คันเมียฮู้รหัสเฟชเจ้า               ย้านเน่าถิ่มอยู่หน้าคอมพ์

วิถีบ้านท่ง หอมกลิ่นใบข้าว

  • ยินเสียงเพรียกก้อง กระทาดงต๊อกต้อส่ง
  • อัสดงสิลับไม้ ใบข้าวโน้มก่องกวย
  • หอมฮวยๆ โชยฟุ้ง อบอวลตามท่ง
  • จักจั่นดง ฮ้องสั่งซู้ ดังก้องสนั่นมา
  • เขียดจานาพองคอเว้า คุยสาวยามใกล้ค่ำ
  • แอ็บ แอ็บ ตามป่าข้าว ฟังแล้วกะม่วนยิน
  • กาเอี้ยงบินเมือบ้าน คืนคอนดอนป่า
  • ูหมู่ชาวนาวางเวียกไว้ คืนบ้านต่าวเมือ
  • ฝูงหมู่เด็กหนุ่มน้อย หาปลาจนค่ำ
  • บ้างผ่องใส่เบ็ด ดักลอบไว้ ยามไซแล้วสิต่าวเมือ
  • สุขใจเหลือหาปลาได้ ยามแลงสิต้มอ่อม
  • หุงหาภาช์แลงไว้ คองถ่าพ่อแม่ตน
  • เกิดเป็นคนต้องทนสู้ วิถีเฮาบ่อคือเผิ่น
  • เดินตามนาป่าไม้ สุขใจแล้วส่ำที่เป็น
 วิถีบ้านท่ง หอมกลิ่นใบข้าว

ยังถ้าเจ้าอยู่เดี้




 สายลมหนาวมาซูนต้อง  หนาวกายยังพออยู่  
หนาวใจขาดคู่ช้อน        มะโไห้หน่วงหนาว
สุริเยศหุ่งเช้า                 เหมยหมอกพอจาง
ผ้าห่มนวมห่อกาย          แต่ใจยังหนาวจ้อย
คอยผู้สาวที่เคยเว้า         สิหวนมาตอนปีใหม่
สัญญาใจต่อบักอ้าย          เจ้าโยนถี้มแล้วไป่น้อ


 ผญา บ้านนา

วันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ผญา คิดฮอดสะหวัน

 ผญา บ้านนา


สะหวันดินแดนก้ำ      วัฒนธรรมเฮาสูงส่ง
ให้จรรโลงสืบไว้     อย่าไลถิ่มถุ่มถาง
อย่าฟ้าววางลืมสิ้น        ผืนดินให้ฮักแก่น
อย่าฟ้าวลืมเสียงแคน    เสียงพิณเตาะต่อยต้อง   หมอลำร้องโอ่กลอน